วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Koi and Vitamins

อาหารปลาส่วนใหญ่ควรจะมีความเพียงพอ
ในแง่ของปริมาณธาตุอาหารและระดับวิตามิน
อย่างไรก็ตามสภาพอากาศบ้านเราที่ร้อนและชื้น
วิตามินบางชนิดจะเสื่อมสภาพไปอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะในระหว่างการเก็บรักษา
ปลาที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น
จะมีความต้องการวิตามินสูงตามไปด้วย
วิตามินที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับปลาคาร์ฟ คือ

วิตามิน C

เป็นที่ทราบกันดีว่าวิตามิน C (Ascorbic Acid)

ช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานโรคต่างๆ
เพื่อต่อสู้กับอาการติดเชื้อต่างๆ นอกจากนี้
ยังช่วยให้ปลาไม่เครียด ระหว่างการขนส่ง
เนื่องจากวิตามินซีช่วยให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น
และทำให้เซลล์ภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อการติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กจากลำไส้ได้ดียิ่งขึ้น
เพิ่มความแข็งแรงให้หลอดเลือด
เนื่องจากวิตามิน C เสื่อมสภาพได้ง่าย

จึงไม่ควรเก็บอาหารไว้ในที่ซึ่งมีสภาพร้อนชื้น
หรือห้ามโดนแสงแดด
มิฉะนั้นจะส่งผลให้วิตามิน C เสื่อมสภาพ

วิตามิน E

วิตามิน E เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

กล่าวโดยรวม คือ วิตามิน E ก็จะช่วยให้เยื่อหุ้มเซลล์คงที่
และป้องกันเซลล์จากการถูกทำลายโดยมลพิษต่างๆ
ที่เกิดขึ้นระหว่างการย่อยอาหาร
ซึ่งเกิดขึ้นเมื่ออวัยวะของปลาสัมผัสกับมลพิษในสิ่งแวดล้อม
หรือเมื่อปลาต่อสู้กับอาการติดเชื้อ
วิตามิน E เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ
ของกลไกการป้องกันที่ซับซ้อนในเนื้อเยื่อ
โดยการปกป้องเซลล์เม็ดเลือดแดงจาก disintegrating
ถ้าปลาได้รับวิตามิน E ในปริมาณที่เพียงพอ
จะสามารถทนต่อสภาวะเครียด
และทนต่ออาการติดเชื้อที่เหงือกได้ดี
แต่ระดับของวิตามิน E ต้องมีความสมดุลกับแร่ธาตุ ซีลีเนียม
ถ้าปลาได้รับวิตามิน E มากเกินไปอาจเป็นพิษได้

ชนิดของวิตามิน E ก็เป็นสิ่งสำคัญ

วิตามิน E ธรรมชาติดูดซึมได้ง่าย
กว่าวิตามิน E สังเคราะห์
วิตามิน E มีมากในจมูกข้าวสาลี ข้าวโพด(วิทเจม)
และน้ำมันจากเมล็กพืชในรูปไขมันไม่อิ่มตัว (HUFA 's)
เราจึงควรเลือกอาหาร
ที่มีส่วนประกอบของวิตามิน E ธรรมชาติ(โทโคฟีรอ d - alpha -)
มากกว่าวิตามิน E แบบสังเคราะห์ (โทโคฟีรอ alpha - dl)
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด