วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สาหร่ายสไปรูลิน่า

สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ว่างพอมีเวลา
ประกอบกับมีน้องๆสอบถามมาเกี่ยวกับสารเร่งสี
ซึ่งก่อนหน้านี้ผมได้รวบรวมเรื่องAstaxanthin
ซึ่งเป็นเป็นสารสีจำพวกแคโรทีนอยด์ (carotenoid)
ที่สกัดมาจากแหล่งธรรมชาติมีผลต่อสีของปลา
แต่มีราคาสูงหน่อย ผมเลยคิดว่ายังมี "สาหร่ายสไปรูลิน่า "
ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติอีกชนิดหนึ่ง
ที่ถูกเลือกมาใช้เป็นอาหารเสริมสุขภาพ
และผสมอากหารเพื่อเร่งสีปลา
เนื่องจากสาหร่ายสไปรูลินาเป็นจุลินทรีย์โปรตีน
ซึ่งมีปริมาณโปรตีนต่อน้ำหนักแห้ง สูงถึง 50-70%
ภาพ 1 สาหร่าย Spirulina platensis CMU2
ภายใต้กล้องจุลทรรศน์กำลังขยาย 100 เท่า

คุณค่าทางโภชนาการของ สาหร่ายสไปรูลิน่า
นอกจากสาหร่ายชนิดนี้จะอุดมไปด้วยโปรตีนแล้ว ยังประกอบไปด้วยสารอาหารอื่นๆอีกมากมาย ได้แก่คาร์โบไฮเดรต วิตามิน แร่ธาตุ กรดไขมันไม่อิ่มตัว กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย และซัลโฟลิปิด ในกลุ่ม sulfoquinovosyl diacylglycerol รวมทั้ง มีรงควัตถุที่มีคุณค่าหลายชนิดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เบต้าแคโรทีนซึ่งมีคุณสมบัติเป็น provitamin A และไฟโคไซยานินซึ่งรงควัตถุสองชนิดนี้มีฤทธิ์ เป็นสารป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ
ภาพ 2 บ่อเพาะเลี้ยงน้ำวน (raceway ponds)
สำหรับเพาะเลี้ยงสาหร่ายสไปรูลินา
ของห้องปฏิบัติการวิจัยสาหร่ายประยุกต์
สาขาจุลชีววิทยา ภาควิชาชีววิทยา
คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ภาพ 3 ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวผลผลิต
(ก) การกรองสาหร่ายผ่านผ้ากรองแพลงก์ตอนขนาดตาถี่ 45 μm
(ข) สาหร่ายสไปรูลินาที่กรองได้
(ค) การอบสาหร่ายสไปรูลินาในตู้อบลมร้อนอุณหภูมิ 50 °C
(ง) สาหร่ายสไปรูลินาแบบเกล็ด

หน่วยวิจัยความหลากหลายของสาหร่ายและแพลงก์ตอน
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัย จาก สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ(วช.) เรื่อง “การผลิตสาหร่ายสไปรูลินาที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ในระดับชุมชนเพื่อเป็นอาหารเสริมของคน สัตว์น้ำ” มี รองศาสตราจารย์ ดร. ยุวดี พีรพรพิศาล เป็นหัวหน้าโครงการ ซึ่งโครงการนี้ได้ดำเนินงานสิ้นสุดลงแล้ว และผลการวิจัย พบว่า สามารถเพาะเลี้ยงสาหร่ายสไปรูลินาแบบลดต้นทุนได้ และเมื่อนำไปเลี้ยงปลาบึก โดยผสมในอาหารในอัตราส่วนแตกต่างกัน พบว่า ปลาที่เลี้ยงด้วยอาหารผสมสาหร่ายสไปรูลินา 30 % ให้ผลในด้านการเจริญเติบโตดีที่สุด ที่มาของข้อมูล http://blog.eduzones.com/pondplay/22608
"ตรงนี้ผมขอเสริมหน่อยครับว่าสำหรับอาหารปลาคาร์ฟที่มีจำหน่ายทั่วไป
มีส่วนผสมของสาหร่ายสไปรูลิน่าประมาณ 10% เท่านั้นเองครับ"
ระดับของสไปรูลินาในอาหารต่อการเจริญเติบโต
และการเร่งสีปลาทอง (Carassius auratus)
ดูรายละเอียดในส่วนนี้

ผลการศึกษา
เมื่อนำปลาทองมาเลี้ยงด้วยอาหารที่เสริมสไปรูลินา
ที่ระดับต่าง ๆ เป็นเวลา 6 สัปดาห์ พบว่าการเสริมสไปรูลินาที่ระดับความเข้มข้น 3% มีผลให้อัตราการเจริญเติบโตของปลาทองมีค่าสูงสุดและแตกต่างกับชุดการทดลองอื่น ๆ ขณะที่การเสริมสไปรูลินาในอาหาร 5% มีผลให้อัตราการเติบโตของปลาลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับชุดควบคุม ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากระดับความเข้มข้นของสไปรูลินาในอาหารที่เพิ่มขึ้นมีผลต่อสมดุลของกรดอะมิโนรวมในอาหาร การได้รับอาหารที่มีกรดอะมิโนไม่สมดุล มีผลทำให้การเจริญเติบโตของปลาทองลดลงได้ (Halver et al.,2002) ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองในกุ้งกุลาดำของ Liao และคณะ(1993) ซึ่งพบว่ากุ้งกุลาดำที่ได้รับอาหารเสริมสไปรูลินา 5% มีการเจริญเติบโตต่ำกว่าชุดการทดลองที่ได้รับอาหารไม่เสริมสไปรูลินา นอกจากนี้ในการทดลองใช้โปรตีนเซลล์เดียว (single cells protein, SCP) เสริมในอาหารในปริมาณมากเกินจะมีผลเสียต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ ซึ่งอาจเกิดจากสมดุลของกรดอะมิโนรวมในอาหาร ตลอดจนอาจมีสารยับยั้งการเผาผลาญอาหาร (antimetabolites) อยู่ในเซลล์ที่นำมาใช้เป็นแหล่งของโปรตีนเซลล์เดียว (Kiessling and Askbrandt, 1993) ทั้งนี้การเสริมสไปรูลินาในอาหารไม่มีผลต่อการแลกเนื้อ และการรอดตายของปลาทอง เช่นเดียวกันกับการทดลองของมะลิและคณะ (2543) ซึ่งศึกษาผลของแอสตาแซนทีนสังเคราะห์ต่อการเจริญเติบโตในกุ้งกุลาดำ โดยทำการทดลอง 8 สัปดาห์ พบว่าน้ำหนักเฉลี่ย อัตรารอดตายและเปอร์เซ็นต์น้ำหนักที่เพิ่มของกุ้งที่ได้รับอาหารทดลองทุกสูตรไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ และสอดคล้องกับรายงานของ Yamada และคณะ (1990) ซึ่งทดลองเสริมแอสตาแซนทีนสังเคราะห์บีต้า-แคโรทีนสังเคราะห์ และแคนตาแซนทีนสังเคราะห์ในอาหารกุ้งที่ได้รับอาหารเสริมสารสีสังเคราะห์ดังกล่าวทุกสูตร มีการเจริญเติบโตและประสิทธิภาพการใช้อาหารไม่แตกต่างกับชุดควบคุม
อย่างไรก็ตาม การเสริมสไปรูลินาในอาหารมีผลทำให้สีเหลือง และแดงของตัวปลาทองเพิ่มมากขึ้น โดยที่สีขาวจะลดลง โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของค่าระดับสีแดง-เขียว (a) และเหลือง-น้ำเงิน (b) ซึ่งจะสัมพันธ์กับสีแดงและเหลืองของตัวปลาที่เพิ่มขึ้น โดยระดับความเข้มข้นที่เหมาะสมของสาหร่ายที่มีประสิทธิภาพต่อการเร่งสีในปลาทองคือระดับความเข้มข้นของสไปรูลินาแห้งในอาหาร 3-5% ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองของ Liao และคณะ(1993) ซึ่งพบว่าระดับความเข้มข้นของสาหร่ายสไปรูลินาแห้งในอาหารกุ้งกุลาดำ 3-5% มีประสิทธิภาพสูงสุดในการเพิ่มปริมาณแคโรทีนอยด์ในเปลือกกุ้ง ทั้งนี้ Ohkubo และคณะ(1999) รายงานว่า ปลาทองจะเปลี่ยนแปลงแคโรทีนอยด์จากอาหารและสะสมในรูปแอสตาแซนทีน และบีต้า-แคโรทีนเป็นหลัก จึงทำให้เกิดสีส้ม-เหลืองในตัวปลาทอง สไปรูลินา ซึ่งมีบีต้า-แคโรทีน เป็นแคโรทีนอยด์ หลักจึงสามารถเร่งสีเหลืองในตัวปลาทองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังเห็นได้จากค่าระดับสีเหลือง-น้ำเงิน (b value) ซึ่งเพิ่มมากขึ้น จากการทดลองครั้งนี้การเสริมสไปรูลินาในอาหารในระดับความเข้มข้น 5% ส่งผลให้การเจริญเติบโตของปลาทองลดต่ำลงกว่ากลุ่มที่ได้รับอาหารเสริมสไปรูลินา 1-3% โดยที่มีค่าระดับสีเหลืองและแดงไม่แตกต่างกันระหว่างกลุ่มที่ได้รับอาหารเสริมสไปรูลินา 3% และ 5% ดังนั้นการเสริมสไปรูลินาในอาหารปลาทอง 3% จึงเป็นระดับที่มีความเหมาะสมในการเร่งสี โดยไม่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของปลา ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://www.klickaquatech.com/

เป็นไงกันบ้างครับเพื่อนๆ

สไปรูลิน่า มีผลต่อการเติบโต และสีของปลา

เยอะใช่ว่าจะดีเสมอไป จริงๆนะครับ