มารู้จัก mio

สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมขออนุญาตแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง

ผมชื่อเอก ใช้นามแฝง มิโอะ(mio) หลายท่านคงสงสัยว่าทำไมต้อง มิโอะ

มิโอะ เป็นชื่อของสุนัขพันธุ์เฟรนบูลด็อก(หมา)ที่บ้านผมเอง

มันเป็นตัวโปรดจอมซนประจำบ้านผมเลย เดิมทีเพื่อนๆ จะเรียกว่า มีโอ มากกว่า

แต่มาเปลี่ยนเป็นมิโอะในตอนหลังเพราะพี่โฟร์ค

Mr.Weerakit Laosuksri President of KKST Bangkok Chapter

เป็นท่านแรกที่เรียกผมในชื่อ มิโอะ มีความหมายว่าสายน้ำ

โดยส่วนตัวผมให้ความเคารพและนับถือพี่โฟร์คมาก ซึ่งนับเป็นเกียรติสำหรับผมมาก

ผมเป็นคนรักสัตว์และต้นไม้มาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก ที่บ้านผม อาป๊า(คุณพ่อ)

ชอบเลี้ยงปลาและสิ่งนี้เองที่ทำให้ผมรักการเลี้ยงปลามาตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้วครับ

สำหรับปลาคาร์ฟผมเริ่มเลี้ยงครั้งแรกประมาณปี 2000 เป็นการเลี้ยงแบบง่ายๆ

ไม่มีความรู้อะไรมากมาย ในสมัยนั้นข้อมูลสำหรับการเลี้ยงปลาคาร์ฟ

ไม่ได้มีให้อ่านกันง่ายๆเหมือนในปัจจุบัน เท่าผมพอจำได้องค์ความรู้ส่วนใหญ่

ที่ค้นหาได้ก็จาก หนังสือของคุณผิน คิ้วไพศาล หนังสือของคุณสุรศักดิ์ วงศ์กิตติเวช

และหนังสือของคุณประเสริฐ ไมตรีวงษ์ ต่อมาอินเตอร์เน็ตเริ่มแพร่หลายมากยิ่งขึ้น

ทำให้ผมได้รู้จักเว็ปไซด์ที่มีคุณค่ามากๆ อาทิ เว็ปแฟนซีคาร์ฟดอทคอม เว็ปโค่ยแฟนคลับ

เว็ปสย่ามโค่ย และโค่ยไทย ในโอกาสนี้ขอขอบพระคุณองค์ความรู้ทั้งหลายที่ผมได้รับ

การเลี้ยงปลาของผมไม่ใช่เพื่อการค้า ไม่ใช่เพื่อรางวัลจากการประกวด

แต่เป็นการเลี้ยงเพราะใจรักและสนใจที่จะเรียนรู้ในการเลี้ยงดูปลาคาร์ฟเป็นหลัก

สิ่งที่ผมได้รับมากกว่านั้น คือการได้รับไมตรีจิตจากเพื่อนๆ จากสังคมผู้นิยมปลาคาร์ฟ
ปัจจุบันผมมีบ่อเลี้ยง 2 บ่อ ขนาด 70 tun และ 10 tun

โดยแยกเลี้ยงปลาตามประเภทปลาที่ต้องเร่งสีแดง กับปลาที่ไม่ต้องเร่งสีตลอดเวลาที่ผ่านมาผมได้เรียนรู้จากการค้นคว้าหาข้อมูลจากเว็ปไซด์ และหนังสือตลอดจนการพูดคุยกับเพื่อนๆ ทำให้ผมรู้สึกว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆครับ การเขียนเรื่องราวต่างๆจากผมนั้นไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนแต่อย่างใด เป็นเพียงการทำตามความต้องการที่จะให้เพื่อนๆ ได้มีข้อมูลพื้นฐานสำหรับการเลี้ยงและดูและปลาคาร์ฟ หวังเพียงสร้างความบันเทิงให้กับเพื่อนๆในบ้างครั้ง ส่งข่าวในสังคมปลาคาร์ฟในบางคราวเท่านั้นเองครับ"ทำอะไรก็ได้ที่เรามีความสุขที่ได้ทำ จะดียิ่งกว่าหากเราแบ่งปันความสุขนั้น ให้กับคนรอบข้างและไม่ทำให้ใครเดือดร้อน"